เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน เพื่อแสดงความคิดเห็น/โหวต

Happy dead day ???

 
" หนูสังเกตเห็นแม่หายใจแม่เข้าออกสั้น ๆ
ก่อนจะถึงนาทีสุดท้ายแม่แอ่นอกสูงหายใจแรงและลึกดังครืดคราด หนูรู้ทันทีว่าแม่กำลังจะจากไปแล้ว
จึงกระซิบข้างหูแม่ว่า ถ้าแม่จะไปก็ไปเลยนะไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว หนูดูแลตัวเองได้"
มิ้ม สมาชิกน้องใหม่ล่าสุดของทีมผม สาว อ. ดอกคำใต้ จ.พะเยา
เล่าถึงวาระสุดท้ายก่อนแม่จะเดินทางไกลสู่อีกภพภูมิ
ปีก่อนเธอเป็นบัณฑิตหน้าใสใหม่ป้ายแดงจากมหาวิทยาลัยสร้างคุณครูชื่อดังใน จ. เชียงใหม่
ดั่งสวรรค์กำหนดหรือไม่ก็เป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต ส่งเธอมาพบกับพวกผม
งานทำค่ายอบรมจึงถูกจริต บวกความบังเอิญ เคมีคงตรงกันกับพี่ ๆน้อง ๆ คนเก่า
เธอจึงเข้าผูกมิตรได้อย่างรวดเร็วและเป็นที่รักของทีมงาน
แต่ก็ทำงานด้วยกันได้ไม่นาน
หลัง ๆ ไม่สะดวกรับงานเพราะต้องดูแลแม่วัย 53 ปี ผู้เจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งในถุงน้ำดี
คอยขับรถรับส่งแม่ไปทำคีโม เฝ้าปรนนิบัติยามแม่มีอาการข้างเคียงหลังรับการรักษา
ป้อนหยุกยา หาข้าวปลาให้ บีบนวดยามแม่ปวดเมื่อยตามตัว
หลายเดือนต่อมาอาการแม่มีแต่ทรงกับทรุด
เช้าวันวานชีพจรแม่หยุดเต้น ดวงวิญญาณออกจากร่างอย่างสงบในอ้อมกอดของลูกสาว บนที่นอนอันคุ้นเคยใต้ชายคาบ้านเกิด
ทิ้งไว้เพียงร่องรอยเรื่องราวความรักความอาลัยให้ลูกหลานญาติมิตรได้คิดถึง
"ตอนแม่จะไป หนูอยู่กับแม่สองคน
พอแน่ใจว่าแม่ไม่อยู่แล้ว หนูตั้งสติ ทำทุกอย่างที่เคยซ้อมไว้กับแม่ เร่ิมจากตะโกนบอกอาข้างบ้าน....."
มิ้มเล่าถึงลำดับขั้นตอนการจัดงานศพแม่ซึ่งได้วางแผนคุยกับแม่ไว้ก่อนเสียชีวิต
ทำเอาผมทึ่งในวิธีคิด " เตรียมตายก่อนตาย " ของครอบครัวนี้มาก
ก่อนเสียชีวิตแม่ได้สั่งเสียเตรียมจัดงานศพไว้ทุกอย่าง มอบหมายให้ใครจัดการเรื่องอาหาร
ดูแลเรื่องการเงิน ขอดอกไม้สดสีฟ้า ช่วยเตรียมเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ให้ก่อนส่งแม่กลับบ้านเก่า
รูปถ่ายสำหรับประดับงานและอีกหลาย ๆ เรื่องถูกมอบหมายไว้ดั่งเป็น "พินัยกรรม"
เมื่อความตายของแม่น้องมิ้ม เป็นการสูญเสียซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
จะมีเรื่องใดน่าเศร้าใจเท่ากับเห็นแม่หายไปจากบ้าน
แม่ผู้เหมือนเพื่อนสนิท เป็นหมอนข้างให้กอด สองแก้มดั่งยาดมให้หอมจูบ
"พี่ธม เมื่อแม่ไม่อยู่หนูคงไม่ร่าเริงแน่ ๆ แต่ก็จะพยายามไม่เศร้าเพราะเราตกลงกันแล้ว"
ขณะที่ผมได้พูดคุยกับเธอน้ำเสียงและแววตา
แม้ไม่เห็นรอยยิ้มเพราะถูกผ้าแมสบิดบัง
หากอ่านไม่ผิดน้องซ่อนความสุขไว้
หลังข้ามผ่านความทุกข์โศกจากการเตรียมใจมาก่อนแล้ว
มันเป็นความสุขเมื่อเห็นแม่จากไปอย่างสงบ
ได้ "ให้" ในส่ิงที่แม่อยากเห็น
ได้ "ทำ" ในเรื่องแม่คาดหวัง
ทั้งหมดเป็นดั่งของขวัญวันตายอันมีความหมายไม่ต่างของขวัญวันเกิด
"หนูรู้สึกภูมิใจมาก ๆ ที่ได้แต่งหน้าครั้งสุดท้ายให้แม่
หนูทาปากสีชมพูซึ่งแม่ชอบ ก่อนจะส่งร่างแม่เข้าโลง หนูเหมือนเห็นแม่ยิ้มด้วยนะพี่"
มิ้มเล่าเสียงใสออกไม้ออกมือชนิดภาษาละครเวทีเรียกว่า "เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์"
ก่อนผมลากลับ เพราะต้องรีบขับรถขึ้นเขาก่อนสิ้นแสงตะวัน
อีกระยะทางนั้นยังไกลห่างเกือบ 200 กิโลเมตร
น้องมิ้มเอ่ยปากชักชวนเข้าไปลาแม่และอยากบันทึกภาพไว้
" พี่ ๆ มาถ่ายรูปกับแม่กันเถอะ
ขอท่าแบบไม่เศร้านะ เพราะแม่ไม่ชอบ"
แม้น้องไม่บอก ผมเองก็ไม่ชอบหน้าเศร้า ๆ
หลังผ้าแมสเรากำลังยิ้มอยู่นะแม่
 
28 ต.ค. 65